วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

6.2 Vertical Curve : โค้งหงาย

โค้งหงาย



รูปที่ 48 รายละเอียดโค้งหงาย


รูปที่ 49 สูตรคำนวณโค้งหงาย

ตัวอย่างการออกแบบ


รูปที่ 50 การออกแบบ

คลิป youtube













              3. หนังสือการสำรวจเส้นทาง Route Survey: ยรรยง ทรัพย์สุขอำนวย



       

6.1 Vertical Curve : โค้งคว่ำ

โค้งคว่ำ

กรณีที่ 1 โค้งดิ่งที่เริ่มจากจุด PVC (Point of vertical curve)



รูปที่ 37 รายละเอียดโค้งดิ่ง


รูปที่ 38 สูตรการคำนวณโค้งดิ่ง


ตารางการคำนวณ


รูปที่ 39 ตารางการคำนวณ

กรณีที่ 2 โค้งดิ่งที่เริ่มจากจุด PVC และ EVC (End of vertical curve)


รูปที่ 40 รายละเอียดโค้งดิ่ง


รูปที่ 41 สูตรการคำนวณโค้งดิ่ง

ตารางการคำนวณ


รูปที่ 42 ตารางการคำนวณ

กรณีที่ 3 โค้งดิ่งที่เริ่มจากจุด PVC และใช้ค่า Rate of grade changing (m) ในการออกแบบ



รูปที่ 43 รายละเอียดโค้งดิ่ง


รูปที่ 44 สูตรการคำนวณโค้งดิ่ง

ตารางการคำนวณ


รูปที่ 45 ตารางการคำนวณ

ตัวอย่างการออกแบบ


รูปที่ 46 การออกแบบ


คลิป youtube














5.4 Horizontal curve : โค้งกลับทิศ

โค้งกลับทิศ (Reverse curve)



รูปที่ 31 โค้งกลับทิศ

          ความหมาย โค้งที่ผสมมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงข้ามกัน  ประกอบด้วยโค้งสองโค้งโดยมีจุดร่วม หรือPRC(Point of reverse curve) หรือมีเส้นสัมผัสร่วมที่ต่อเชื่อมกันระหว่างโค้งเรียกว่า Intermediate tangent

ประโยชน์ของโค้งกลับทิศ
          โค้งกลับทิศมักใช้ในภูมิประเทศที่เป็นภูเขา หรือในเขตเมืองที่ไม่สะดวกต่อการรื้อถอนและเวียนคืน
          จะสามารถลดผลกระที่จะเกิดต่อสิ่งแวดล้อมน้อย

ลักษณะโค้งกลับทิศ
1. โค้งกลับทิศที่มีจุดเชื่อมต่อกันที่จุด PRC


รูปที่ 32 โค้งกลับทิศที่มีจุดเชื่อมต่อกันที่จุด PRC


2. โค้งกลับทิศที่มีเส้นสัมผัสขนานกัน
          2.1 เส้นสัมผัสขนานกันและรัศมีเท่ากัน


รูปที่ 33 เส้นสัมผัสขนานกันและรัศมีเท่ากัน

          2.2 เส้นสัมผัสขนานกันแต่รัศมีไม่เท่ากัน


รูปที่ 34 เส้นสัมผัสขนานกันและรัศมีไม่เท่ากัน

3. โค้งกลับทิศที่เส้นสัมผัสไม่ขนานกันแต่รัศมีเท่ากัน


รูปที่ 35 โค้งกลับทิศที่เส้นสัมผัสไม่ขนานกันแต่รัศมีเท่ากัน


คลิป youtube












5.3 Horizontal curve : โค้งก้นหอย

โค้งก้นหอย (Spiral curve)



รูปที่ 25 โค้งก้นหอย


          ความหมาย  ใช้โค้งตั้งแต่ 1 โค้งขึ้นไปนำไปต่อกับโค้งชนิดอื่น โดยทั่วไป นิยม
ใช้ Spiral curve ออกแบบแทนโค้งอันตราย (Shape curve) ใช้ในการออกแบบ Interchangeและ Intersection

ประโยชน์ของโค้งก้นหอย
          -เพื่อให้ยวดยานสามารถวิ่งเข้าโค้งได้ด้วยความเร็วสูง
          -สามารถนำไปต่อกับโค้งอื่นๆ ได้ หรือนำมาต่อกันเองก็ได้



รูปที่ 26 รายละเอียดโค้งก้นหอย

จากสูตร


รูปที่ 27 สูตรการคำนวณโค้งก้นหอย

ขั้นตอนการดำเนินงาน
          การวาง Spiral curve ในปฏิบัติการนี้ จะใช้วิธีที่เรียกว่า Polar staking ซึ่งใช้หลักการของ Deflection angleและ chord ซึ่งในที่นี้ก็คือการใช้มุม φ ใดๆ และ Lc ใดๆ ตามความยาวของโค้งจากจุด TS หรือ ST ถึงตำแหน่งบนโค้งที่พิจารณา โดยให้จุด TS หรือ ST เป็นจุดกำเนิดโค้ง หรือ Origin ซึ่งมีสูตรที่ใช้สำหรับหาค่าต่างๆ ที่จำเป็น ดังต่อไปนี้


รูปที่ 28 สูตรการคำนวณโค้งก้นหอย

ตัวอย่างการคำนวณ


รูปที่ 29 โจทย์การคำนวณ

ตารางการคำนวณ


รูปที่ 30 ตารางการคำนวณ

คลิป youtube














5.2 Horizontal curve : โค้งผสม

โค้งผสม (Compound curve)



รูปที่ 21 โค้งผสม

          ความหมาย  โค้งที่ประกอบด้วยโค้งหลายโค้งมารวมกัน และจุดศุนย์กลางของโค้งทั้งหมดจะอยู่ซีกเดียวกันของเส้นสัมผัส เส้นรัศมีโค้งยาวไม่เท่ากันจุดที่ความยาวโค้งต่อกันเรียกว่า จุดต่อโค้งผสม  โค้งผสมจะได้เปรียบการวางแนวทางที่เหมาะสมกับภูมิประเทศโดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นภูเขา ในเขตชุมชนไม่สามารถวางแนวด้วยโค้งชนิดอื่นผ่านได้ เช่น โรงงานที่มูลค่าการก่อสร้างแพงมากไม่สามารถเวียนคืนชดเชยคามเสียหายได้

ประโยชน์โค้งผส
          -ใช้ในบริเวณที่เป็นภูเขาทั้งนี้เพื่อให้แนวทางเข้ากับภูมิประเทศและถูกต้องตามหลักวิชาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยวดยาน
          -ใช้ในบริเวณทางขึ้นลง บริเวณทางด่วน ทางแยกต่างระดับ โดยใช้ร่วมกับโค้งก้นหอย
          -ใช้ในเลนเลี้ยวในกรณีที่ถนนสายหลักกับสายรองมาตัดกัน ถนนสายหลักจะใช้ความเร็วสูง เพราะฉะนั้นเวลาเลี้ยวจะชะรอความเร็วต้องใช้เวลามากและป้องกันไม่ให้รถที่ตามมาเกิดอุบัติเหตุ และทำให้เลี้ยวไปตามความเร็วที่ออกแบบ

องค์ประกอบของเส้นโค้ง (Elements of compound curve)



รูปที่ 22 รายละเอียดโค้งผสม

โดยที่
PC   = point of curvature
PT   = point of tangency
PI    = point of intersection
PCC = point of compound curve
T1   = length of tangent of the first curve
T2   = length of tangent of the second curve
V1   = vertex of the first curve
V2   = vertex of the second curve
I1    = central angle of the first curve
I2    = central angle of the second curve
I      = angle of intersection = I1 + I2
Lc1  = length of first curve
Lc2  = length of second curve
L1   = length of first chord
L2   = length of second chord
L     = length of long chord from PC to PT
T1 + T2 = length of common tangent measured from V1 to V2
θ    = 180° – I
x and y can be found from triangle V1-V2-PI
L can be found from triangle PC-PCC-PT

จากสูตร


รูปที่ 23 สูตรคำนวณโค้งผสม

ตัวอย่างการคำนวณ

ตารางการคำนว


รูปที่ 24 ตารางการคำนวณ



คลิป youtube